ช่วยกันเผยแพร่ นักสู้ผู้พิชิตเจ้าหนี้ กันหน่อย ครับ

เชียร์ ช่วยกันเชียร์ เห็นด้วย กด Like หรือ Send ไปยังเมล์เพื่อนๆ ขอบคุณครับ

วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

หนังสือ เงิน.. เรื่องใหญ่ ที่โรงเรียนไม่เคยสอน


ชื่อหนังสือ
เงิน.. เรื่องใหญ่ ที่โรงเรียนไม่เคยสอน
ผู้เขียน
โจ-มณฑานี ตันติสุข
เนื้อหา

"มีสติ ไม่เสียสตางค์และชีวิต"
"เงิน.. เรื่องใหญ่ ที่โรงเรียนไม่เคยสอน"
เป็นผลงานเขียนเล่มล่าสุดของ นางสาวฉัตรเฉลิม ตันติสุข หรือที่รู้จักกันในนาม
"โจ-มณฑานี" ซึ่งเป็นงานเขียนจากชีวิตจริง เรื่องการใช้เงินอย่างไร้สติถึงขนาดที่ว่า
"เหลือเงินติดบัญชีธนาคารทุกธนาคารเพียง ๓ บาท ไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อข้าวกิน ไม่มีเงินจ่ายค่าจ้างพนักงานในบริษัท"

"มีสติ ไม่เสียสตางค์ และก็ไม่เสียชีวิตด้วย" นี่คือสิ่งที่ โจ-มณฑานี บอกผ่านหนังสือ
"เงิน.. เรื่องใหญ่ ที่โรงเรียนไม่เคยสอน" เพระปัจจุบันนี้ปัญญาเรื่องหนี้บัตรเครติดไม่ใช่ปัญหาเฉพาะตัว แต่เป็นปัญหาระดับชาติ ซึ่งครั้งหนึ่งในชีวิตตัวเธอเคยเป็นหนี้บัตรเครดิตนับแสนบาท ต้องขึ้นศาลพิพากษาคดีบ้านที่มีธนาคารเป็นโจทก์ฟ้อง ขณะเดียวกันก็มีปัญหาเรื่องความรักประดังเข้ามา ถึงขั้นตัดสินใจจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายเพื่อยุติและหนีปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด
โจ-มณฑานี บอกว่า พระผู้ที่เทศน์เตือนสติไม่ให้คิดค่าตัวตาย คือ พระมหาต่วน สิริธมฺโม อดีตรองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแผ่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) โดยท่านเทศน์สอนไว้ว่า คนเรามีวาสนา คำว่า วาสนา แปลว่า สะสม ซึ่งวาสนาไม่ใช่การทำบุญมากๆแล้วมีวาสนา ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว วาสนา คือ การสะสม ที่ผ่านมาเป็นคนสะสมการทำร้ายตัวเอง การซ้ำเติมตัวเอง

การคิดฆ่าตัวตายคือ ชีวิตอยู่ที่กรรมจริงๆ กรรมที่ว่านี้มาจากการกระทำ ที่ผ่านมาคิดว่าคนไทยเข้าใจในเรื่องกรรมผิดว่า กรรมคือเรื่องที่เราทำกับใครไว้ในชาตินี้หรือชาติหน้าแล้วต้องมาชดใช้ วันนี้พบแล้วว่ากรรมคือการกระทำ เราทำอะไรกับชีวิตของเราอย่างไรก็จะได้รับผลโดยตรง การคิดฆ่าตัวตายเป็นเพราะว่ากรรมที่ได้สะสมการฆ่าตัวตายมาหลายๆชาติ

ดังนั้น จึงต้องเปลี่ยนการสะสมเสียใหม่ ธรรมะตรงนี้จึงเป็นเปลี่ยนชีวิตสะสมการรักตัวเอง ตระหนักว่าตัวเองมีค่า กระทำสิ่งดีๆ ในชีวิต โดยไม่สนใจว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร บางครั้งคนเราเริ่มต้นทำความดีจะอดคาดหวังไม่ได้ว่า ชีวิตต้องมีปาฏิหาริย์ชีวิตต้องดีขึ้น



ส่วนเรื่องการทำบุญนั้นืโจ-มณฑานี บอกว่า โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบทำบุญตามวัดต่างๆ มาตลอดชีวิตไม่เป็นการทำบุญด้วยเงิน หรือทำหนังสือพระไตรปิฎก แต่ ๓ ปีที่ผ่านมาชอบทำบุญกับเพื่อนร่วมโลกที่ครอบคุมทั้งชีวิต เพราะทุกชีวิตมีความหมาย ส่วนตัวเชื่อว่าพื้นฐานของมนุษย์เป็นคนดี แล้วทุกคนสามารถทำบุญได้โดยไม่ต้องใหญ่โตขอเพียงช่วยกันคนละเล็กละน้อยโลกใบนี้ก็จะดี เช่น ให้อาหารกับสุนัขจรจัด เป็นต้น



"เอาเป็นว่าอยากว่าเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคนว่า ชีวิตตั้งแต่เป็นเด็กเคยเป็นคนไม่ชอบแม่เลย ไม่รักแม่ ไม่ให้โอกาสแม่ จนวันหนึ่งเรามาป่วยด้วยโรคผิดหนังทั้งตัวเป็นอย่างหนัก ต้องนี้อยากบอกเลยว่า ต้องใช้ความพยายามมากๆ แต่มันได้ จนวันหนึ่งให้โอกาสแม่ บอกรักแม่ทุกวัน เชื่อไหมว่า อาการป่วยที่หนัก ก็หายวันหายคืนภายใน ๓ อาทิตย์ ตรงนี้คิดว่าไม่ใช่ตัวยาอย่างเดียว แต่น่าจะมาจากกรรมดีที่เราทำกับแม่นั่นเอง" น.ส.มณฑานี กล่าวทิ้งท้าย




"วาสนาที่สะสมช่วยล้างขยะในตัวที่ไม่คิดฆ่าตัวตายอีก เพราะ ๓ ปีธรรมะเปลี่ยนชีวิต"

หนังสือ ยิ้มสู้หนี้


หนังสือ ยิ้มสู้หนี้

เนื้อหา

ยิ้มสู้หนี้ ชมรมออนไลน์ กำลังใจคนมีเครดิต เป็นภาค 2 ของหนังสือ เป็นหนี้จะแก้ไขชีวิตอย่างไร ซึ่งเก็บรวบรวมกระทู้ที่มีประโยชน์จาก Webboard ของชมรมหนี้บัตรเครดิตฯ มารวมเป็นเป็นเล่ม ซี่งเป็นวิธีการที่เหล่าสมาชิกปฎิบัติการเพื่อแก้ปัญหาหนี้ได้จริง มารวบรวมไว้ในหนังสือเล่มนี้


หนี หนี้ กันดีกว่า


ชื่อเรื่อง:
หนี หนี้ กันดีกว่า
นักเขียน:
นวพันธ์ ปิยะวรรณกร
เนื้อหา:

ถึงแม้ชื่อหนังสือจะชวนหนี แต่เนื้อหาในเล่มก็มีประโยชน์มากเสียจนคนหนุ่มสาวสมัยนี้ต้องพุ่งเข้าใส่ อิอิ จริงๆ แล้วคนหนุ่มสาวนั้นควรอ่านเรื่องเหล่านี้เพื่อศึกษาและทำความเข้าใจไม่ให้ชีวิตย่างกรายเข้าไปเป็นหนี้ โดยเฉพาะหนี้จากบัตรเครดิตและหนี้จากเงินกู้ส่วนบุคคลที่หลายคนติดกับดักมันมานักต่อนักแล้ว

เนื้อหาในเล่มนั้นจึงทำการรวบรวมเอาจากประสบการณ์ทั้งหมดที่มีของผู้เขียนที่สัมผัสจากน้องๆ พี่ๆ เพื่อนๆ รอบข้างหลายคน ทั้งแบบรู้จักโดยตรงและจากการบอกเล่า ซึ่งพบว่ามีผู้คนจำนวนมากเหลือเกินที่ตกเข้าสู่วังวนของการเป็นหนี้บัตรพลาสติกกันจนถึงขั้นไม่เป็นอันทำงาน วันๆ ต้องคอยหลบสายโทรศัพท์ที่มาคอยทวงถามจากเจ้าหน้าที่เร่งรัดหนี้สิน จนบางรายมีจดหมายจะฟ้อง เตรียมฟ้อง ขู่จะฟ้องจากบริษัทรับติดตามหนี้ส่งมาที่บ้านไม่เว้นแต่ละวัน
ในขณะที่หลายคนเป็นหนี้จนถึงกับครอบครัวแตกแยก เพราะหัวหน้าครอบครัวไปก่อหนี้บัตรไว้มากมายมหาศาล จนต้องขายบ้านขายช่องใช้หนี้ นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคมทั่วโลกไม่ใช่แต่เพียงประเทศไทย ถ้าจำได้ประเทศเกาหลีก็เป็นประเทศที่มีนโยบายผลักดันการค้า โดยให้คนนำเงินในอนาคตจากบัตรเครดิต จากสินเชื่อส่วนบุคคลออกมาใช้ล่วงหน้า แต่บูมอยู่ได้ไม่กี่ปี หนุ่มสาวชาวเกาหลีก็เป็นหนี้กันท่วมหัว ฆ่าตัวตายหนีหนี้บัตรกันเพียบเลย
งานในเล่มนี้จึงดีเหลือเกินที่ผู้เขียนเน้นว่าไม่อยากให้ภาพเช่นนั้นเกิดขึ้นในสังคมไทยเราจึงถ่ายทอดหนังสือเล่มนี้ขึ้นเพื่อให้ข้อมูลในการใช้บัตรอย่างมีสติและรู้เท่ารู้ทัน โดยเฉพาะกับวัยรุ่น วัยใส ที่เพิ่งจบจากรั้วมหาวิทยาลัยและกำลังเริ่มต้นออกมาใช้ชีวิตในโลกกว้างของการทำงาน คนในกลุ่มนี้เองที่ส่วนใหญ่จะมีข่าวให้เห็นว่าหลังตกเป็นหนี้บัตรไม่รู้จะทำอย่างไรเลยโกงเงินลูกค้ามา หรือพยายามทุจริตเพื่อนำเงินของคนอื่นมาเป็นของเรา
คนหนุ่มสาวจะรู้บ้างไหมว่าการไม่ใช้หนี้บัตรเครดิตนั้น บางคนถึงกับหมดอนาคต และความรู้ที่อุตส่าห์ร่ำเรียนมาก็หมดความหมายไปง่ายๆ ภายในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งที่ในความเป็นจริงบัตรเครดิตเป็นเครื่องมือการทำธุรกรรมประเภทหนึ่งที่มีประโยชน์มาก หากรู้จักใช้งานและรู้จักประมาณตัวเอง รู้จักจัดระบบ วางแผน และสามารถควบคุมการใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี บัตรเครดิตก็จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ใช้ได้หลายกรณีทีเดียว
เห็นดังนั้นเราจึงต้องช่วยกันทลายกำแพงความคิด ว่าการใช้บัตรเครดิตนั้นไม่ได้มีใช้เพื่อความโก้หรู ดูว่ารวยล้นฟ้า มีเงินมีทองใช้จ่ายได้อย่างฟุ่มเฟือย แต่ข้อเท็จจริงที่ไม่ควรมองข้ามของการมีบัตรเครดิตนั้นคือ การนำเอา “เงินอนาคต” มาใช้ล่วงหน้าเท่านั้นเอง
เอาเป็นว่าหนังสือเล่มนี้อ่านได้อ่านดี...ทั้งคนที่ยังไม่เป็นหนี้ กำลังจะเป็นหนี้ และเป็นหนี้ไปแล้ว จะได้รู้เท่าทัน และมีกำลังใจจะหาทางออกจากวังวนปัญหาของหนี้ในทุกรูปแบบได้อย่างง่ายๆ และไม่ซับซ้อนจนเกินไป


คัดลอกจาก : เว็บฯ สนุกแค็มปัส